ข่าวสารและบทความน่ารู้ วิธีเลือกซื้อรถเอทีวี


โพสต์วันที่ 16 ก.ย. 62 เวลา 12:52 น. โดย Admin


วิธีเลือกซื้อรถเอทีวี

อย่าเพิ่งซื้อรถเอทีวีเด็ดขาด หากคุณไม่เคยอ่านบทความนี้ ผมรวบรวม 8 ข้อ ที่คุณต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อรถเอทีวี ซึ่งสามารถช่วยคุณสกรีน ร้านค้า รุ่นรถ ที่เหมาะกับคุณ ซึ่งคุณจะประหยัดเงินได้ถึงหลักพันหรือหลักหมื่นกันเลยทีเดียว โดยสามารถเลือกตามปัจจัยต่างๆ ดังนี้

1. ประเภทของรถเอทีวี

อันดับแรก เรามารู้จักกับประเภทของเอทีวีกันก่อนครับ เอทีวี แบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ได้ดังนี้

1. สปอร์ตเอทีวี สปอร์ตเอทีวี นั้น จะเน้นที่ความเร็ว ใช้ในสนามแข่งขันกันครับ เครื่องยนต์ส่วนใหญ่ก็เป็นเครื่องยนต์ 2 จังหวะ ดีไซซ์ตัวรถ จะมีความโฉบเฉี่ยว การออกแบบหน้าตาตัวรถ จะแหลมๆ หน่อยครับ โดย ATV ประเภทนี้จะเหมาะกับการใช้งาน ที่เน้นความเร็วเป็นหลัก จะไม่เหมาะกับงานลากจูง ด้วยเครื่องยนต์ที่ถูกออกแบบมาเฉพาะทางครับ

2. ยูทีลิตี้ เอทีวี เอทีวี ประเภทนี้ จะพบมากที่สุดในไทยครับ โครงสร้างตัวรถใหญ่ แน่นหนาและมีความแข็งแกร่งครับ หากคุณกำลังมองหารถเอทีวีสำหรับใช้งานในสวน รีสอร์ท ใช้งานลาก งานบรรทุก ต้องประเภทนี้ครับ มีตั้งแต่ 125ซีซี จนไปถึง 1000 ซีซีเลยทีเดียว

3. ยูธ เอทีวี Youth ATV หรือเอทีวีสำหรับเด็ก รถประเภทนี้ ขนาดและคุณภาพของโครงสร้างรถเอทีวีนั้นจะบางกว่าครับ มีทั้งทรงสปอร์ตและทรงยูทีลิตี้ เครื่องยนต์จะอยู่ในพิกัด 50-110 ซีซี ถ้าต้องการความปลอดภัยในการขับขี่ของเด็ก แนะนำตัวนี้ครับ


2. ขนาดของเครื่องยนต์

เป็นอีกหนึ่งหลักสำคัญที่ต้องพิจารณา สำหรับกำลังของเครื่องยนต์นั้น มีผลต่อการใช้งานโดยตรง ควรเลือกให้เหมาะต่อการใช้งาน หากเลือกผิด อาจจะใช้งาน ไม่ได้เลยนะครับ เทคนิคการเลือกไซส์ ขนาด ความแรงของเครื่องยนต์ ตามการใช้งาน ผมแบ่งได้ 3 อย่างดังนี้

1. ให้เด็กขับขี่ เล่นตามสนามหน้าบ้านตามสวน กลุ่มนี้ ผมแนะนำ เครื่อง 70-110cc ครับ เพราะแรงไม่สูงมาก เด็กๆ พอควบคุมรถเองได้ อย่างง่ายดาย ส่วนใหญ่แล้วเครื่อง 110 ระบบเกียร์ไม่ยุ่งยาก เพราะ มีแค่ 1 เกียร์ เดินหน้า / เกียร์ว่าง / และ 1 เกียร์ถอยครับ

2. ใช้งานขับขี่ทั่วไป ตรวจสวน ไม่ได้ใช้งานหนักเลย กลุ่มนี้ เหมาะ กับรถเอทีวีไซส์เล็ก อย่าง เครื่องยนต์ 125cc เพียงพอต่อการใช้งาน ทั่วไป จะติดตั้ง ลากจูง 100-200 กก. ก็ยังได้ครับ เครื่องยนต์ 125cc ที่ทำงานร่วมกับเกียร์ธรรมดา (3 เกียร์เดินหน้า) ทำให้มีแรงบิดที่เพียงพอต่อการใช้งาน (เครื่องยนต์ 125 ไม่มีเกียร์ออโต้ ถ้าเห็นร้านไหน บอกว่า เป็นเอทีวี 125cc เกียร์ออโต้ อันที่จริงคือเครื่อง 110 เกียร์ธรรมดา เดินหน้า 1 เกียร์ ครับ)

3. ให้เช่าขับ เป็นรีสอร์ท สนามเช่า กลุ่มนี้ เหมาะ กับ รถเอทีวีไซส์กลาง อย่าง เครื่องยนต์ 150 – 200cc ครับ ถึก อึด ทน ขับง่าย ส่วนมากจะใช้เป็นเกียร์ออโต้ ครับ เพราะลูกค้าที่เข้าพักตามรีสอร์ท น้อยคนจะเคยขับรถประเภทนี้มาก่อน ต้องเน้นที่ ขับง่ายไว้ก่อน ราคาตัวรถไม่สูงมาก

4. ใช้งานบรรทุก ใช้ในการเกษตรในฟาร์มเป็นหลัก ต่อพ่วง ลากผลผลิต บรรทุกปุ๋ย อุปกรณ์ต่างๆ ภายในสวน หากการใช้งานของคุณอยู่ในกลุ่มนี้ ขนาดเครื่องยนต์ที่เหมาะสมที่สุด จะเป็นตั้งแต่ 150 ขึ้นไป เลยครับ ขึ้นอยู่กับงบประมาณ ยิ่ง cc สูง ยิ่งแรงเยอะ ยิ่งลากบรรทุกได้เยอะครับ

คำถามที่ควรถามร้านค้าก่อนตัดสินใจซื้อ

- ลากจูง หรือบรรทุกของบนรถได้ประมาณ กี่กก.?

- ทำความเร็วได้ประมาณเท่าไหร่?

- ใช้เครื่องยนต์ของอะไร? (สำคัญต่อการเทียบอะไหล่)

- เครื่องยนต์กี่ cc? (เพราะตัวเลขที่ตามหลังชื่อรุ่น ไม่ได้หมายถึง cc ของเครื่องยนต์ที่แท้จริง บางยี่ห้อ เป็นเครื่อง 150ซีซี แต่ใช้เลขตามหลังชื่อรุ่นว่า 200 ก็มีครับ)

- รายละเอียดพิเศษในเครื่องยนต์ เช่น มีบาลานเซอร์ กันเครื่องสั่น หรือเปล่า?


3. ระบบขับเคลื่อน

ระบบขับเคลื่อน ของรถเอทีวี จะมีด้วยกันสองแบบครับ คือ ขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ ขับเคลื่อนแบบไหนเหมาะกับการใช้งานแบบไหนบ้าง

ขับเคลื่อน 2 ล้อ เหมาะกับงาน ในสวน พื้นดินทั่วไป จนไปถึง พื้นทรายทะเล จริงๆ ก็ถือว่าครบเครื่องทุกทางนะครับ ถ้าไม่เจอ โคลนหนาๆ ขับเคลื่อน 2 ล้อ เพียงพอต่อการใช้งานครับ เซฟค่าใช้จ่ายได้เยอะ แต่เอาเข้าจริงๆ หากติดหล่ม ก็สามารถยกรถขึ้นเองได้ง่ายๆ

ขับเคลื่อน 4 ล้อ เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ทุกประเภท ตั้งแต่พื้นที่ทางราบ ทางดิน เส้นทางธรรมชาติในป่า ดินโคลนหนาๆ 4x4 จบทุกเส้นทางครับ แต่ก็ต้องแลกมากับ ราคาที่สูง เพราะเอทีวี ขับ 4 ในตลาดจะไม่ทำในตัว cc น้อยๆ โดยจะเริ่มต้นที่ 300cc เป็นอย่างต่ำ


4. วัสดุโครงสร้างและชิ้นส่วนประกอบ

"หน้าตาเหมือนกัน แต่คุณภาพต่างกัน"

90% ของรถเอทีวีในไทย จะเป็นรถนำเข้าจากจีนเป็นส่วนใหญ่ (รวมไต้หวันด้วยเพราะเกรดเดียวกัน อย่าหลงเชื่อคำโฆษณาว่า ไต้หวันดีกว่าจีน นะครับ) 10% เป็นแบรนด์จากญี่ปุ่น อเมริกา ครับ ผมจะไม่พูดถึง งานจากญี่ปุ่นและอเมริกาเพราะเป็นแบรนด์ระดับโลก ถ้ามีงบถึง จัดได้ก็จัดเลยครับ ต่ำๆ 2แสนปลาย-4 แสนครับ แต่อะไหล่ในบ้านเราก็จะหากันยากหน่อยแนะนำให้เลือกแบรนด์ที่มีตัวแทนจำหน่ายในบ้านเราดีกว่าครับ

ทีนี้มากันที่งานจีน ราคาพอจับต้องกันไหว และมีหมุนเวียนในตลาดพอสมควรครับ ชิ้นส่วนประกอบก็จะมีหลากหลายเกรดครับ ราคาก็จะแตกต่างกันไปด้วย ส่วนใหญ่ที่บ่นกันในเว็บ Pantip นั้น จะเป็นรถเอทีวีคุณภาพต่ำ ครับ พวกนี้ราคาถูก ผู้จำหน่ายไม่มีมาตรฐานครับ

วิธีการแยกรถเอทีวีเกรดต่ำกับเกรดดี แบบง่ายที่สุดนะครับ เข้า Youtube พิมพ์ ชื่อรุ่น รถเอทีวีที่คุณกำลังมองหา แล้วใส่คำว่า Review ต่อท้าย หาก มีคลิปรีวิวจากต่างประเทศให้ดูเยอะ ก็อยู่ในระดับที่น่าใช้ครับ เพราะมาตรฐานส่งออกยุโรปของจริง มีหลักฐาน ไม่ใช่แค่คำโฆษณา (บางรุ่น ชื่อในไทยกับต่างประเทศ ก็อาจจะใช้คนละชื่อกันครับ ตั้งตามใจผู้จำหน่าย) แต่วิธีนี้ก็เป็นแค่หนึ่งในวิธีการคัดรถเท่านั้น ยังมีอีกหลายวิธีครับที่ควรตรวจสอบ ถ้าจะให้ดีและชัวร์ที่สุดอาจจะต้องไปทดลองขับของจริงครับ หากเราลองแล้วชอบ ฟิลลิ่งการขับขี่ใช้ได้ ถึงรถเอทีวีคันนั้นจะไม่ได้ส่งออกยุโรป ก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร ขับดีซะอย่าง


5. บริการหลังการขาย

การบริการหลังการขายนั้นจะมีอยู่สองช่วงนะครับ ช่วงแรก การบริการหลังการขาย สำหรับช่วงเวลารับประกันและสอง ซึ่งสำคัญมาก หลังจากหมดระยะเวลาประกัน นี่คือสิ่งที่คนซื้อมือใหม่ไม่ค่อยถามกัน เพราะว่าการบริการและค่าใช่จ่ายในแต่ละช่วงอาจจะแตกต่างกันสินเชิง

คำถามที่ควรถามร้านค้าก่อนตัดสินใจซื้อ

- มีศูนย์บริการที่ไหนบ้าง? (มีศูนย์ซ่อมเฉพาะทางดีกว่าแน่นอน)

- หากอยู่ ตจว. ไม่มีศูนย์บริการใกล้บ้าน จะทำอย่างไรหากรถเสีย?

- รถเสียสามารถเข้าซ่อมที่ไหน?

- มีบริการซ่อมถึงหน้าบ้านหรือเปล่า?

- มีค่าใช้จ่ายอย่างไรบ้าง?


6. การรับประกัน

อีกหนึ่งข้อที่ไม่ควรข้าม การรับประกัน เพราะสิ่งที่มือใหม่ส่วนมากตัดสินใจซื้อผิดพลาด โดยดูเพียง ราคา จนลืมสอบถามเรื่องเงื่อนไขการรับประกันให้ละเอียด ให้ดีควรให้ร้านออกใบรับประกันให้เป็นลายลักษณ์อักษรเลยจะดีที่สุด เพราะ จะได้มีหลักฐานไว้

คำถามที่ควรถามร้านค้าก่อนตัดสินใจซื้อ

- ระยะเวลาการรับประกัน?

- หากเสียแล้วต้องทำยังไง?

- หากเสียแล้วซ่อมที่ไหน อย่างไร และ ต้องรอกี่วัน?

- มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม จุดไหนบ้าง?

- เงื่อนไขที่ไม่รับได้ประกัน มีอะไรบ้าง?


7. อะไหล่

ข้อที่สำคัญที่สุดของการซื้อรถเอทีวี คือ อะไหล่ครับ รถประเภทนี้เมื่อเทียบกับรถทุกประเภทในไทยแล้ว ถือเป็นตลาดขนาดจิ๋วเลยครับ อะไหล่หรือชุดแต่งต่างๆ หมุนเวียนในตลาดน้อยมาก เพราะการออกแบบเฉพาะตัวของรถเอทีวีนั่นเอง ถึงอะไหล่ประมาณ 60-70% จะสามารถหาเทียบกับรถมอเตอร์ไซค์ทั่วไปในตลาดบ้านเราได้บ้าง แต่อะไหล่เฉพาะ อย่างเช่น ปีกนก สวิงอาร์ม จะไม่สามารถเทียบมอเตอร์ไซค์ได้เลย ขนาดรถเอทีวีเหมือนกัน แต่ ต่างยี่ห้อ ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยน-ใส่ กันได้

แนะนำให้เลือกร้านที่มีมาตรฐาน มีหน้าร้าน จดทะเบียนการค้าถูกต้อง เพราะกลุ่มนี้ เป็นบริษัทใหญ่ที่มีเงินทุน สามารถสต็อกอะไหล่ในระยะยาวได้ (แต่ก็ไม่แน่นอนเสมอไป) ไม่ใช่เป็นบ้าน หรือ ส่วนบุคคล ธุรกิจครอบครัวเล็กๆ ทำเอง ลองเช็คประวัติ หรือ รีวิวจากผู้ที่ใช้งาน

คำถามที่ควรถามร้านค้าก่อนตัดสินใจซื้อ

- อย่าถามว่ามีอะไหล่ไหมเด็ดขาด! เพราะทุกร้านจะตอบว่า มี แนะนำให้ขอ Pricelist สมุดราคาอะไหล่ของรุ่นที่จะซื้อ เลยครับ


8. ข้อกฎหมาย

ข้อกฎหมายที่ควรทราบก่อนซื้อ ก็คือ รถเอทีวี เป็นรถที่ยังไม่สามารถจดทะเบียนกับกรมขนส่งทางบกได้ครับ เพราะไม่สามารถระบุประเภทของรถเอทีวีให้เข้ากับ รย. ทั้ง 17 ประเภทได้

จึงจะไม่สามารถวิ่งบนถนนหลวง ถนนใหญ่กับเค้าได้ อารมณ์เหมือน รถอีแต๊ก อีแต๋น ครับ อีกอย่าง รถเอทีวี ถูกออกแบบ สรีระตัวรถ บังคับเลี้ยว มาให้ใช้งานบนออฟโร้ดมากกว่าครับ วิ่งบนถนนหากใช้ความเร็วสูงๆ จะพลิกคว่ำได้ง่ายครับ

- ระยะเวลาการเข้าซ่อม ต้องรอกี่วัน

จะโดนจับหรือยืดรถไหม ถ้าวิ่งบนถนน? - อาจจะโดนปรับ เพราะนำรถมาวิ่งไม่ถูกประเภทครับ แต่ไม่สามารถยืดรถได้ครับ เพราะเสียภาษีนำเข้าอย่างถูกต้องครับ

บรรทุกขึ้นกระบะ ข้ามจังหวัด มีปัญหาไหม? - ต้องติดใบซื้อ-ขาย ที่ถูกต้องตามกฎหมาย มีชื่อผู้ครอบครอง-ผู้ขาย ระบุรุ่น สี และเลขตัวถังรถ อย่างครบถ้วน ทุกครั้งที่เคลื่อนย้ายรถครับ ตำรวจจะตรวจสอบแค่ว่า รถไม่ได้ถูกขโมยมา แค่นั้นเลยครับ


และนี่ก็คือ 8 ข้อแนะนำจากผม ที่ก็เคยเป็นผู้บริโภคคนหนึ่งเหมือนกับเพื่อนๆ อีกหลายคน คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับคนที่กำลังมองหา หรือ กำลังจะซื้อรถเอทีวีสักคัน ไว้ใช้งานจริงๆ เพื่อให้ทุกท่านได้เกิดประโยชน์และมีความสุขกับการใช้งานรถเอทีวีคันที่ท่านชอบครับ

ค้นหา
LINE Official
เฟซบุ๊คแฟนเพจ